Global ETFJitta Ranking

ผลตอบแทนจริงทุกนโยบายของ Jitta Wealth ปี 2566

system 12 มกราคม 2024

จบไปอีก 1 ปี กับปีที่ตลาดหุ้นทั่วโลกพาให้ใจได้ว้าวุ่นกันตลอดทั้งปี แต่ก็มีตลาดหุ้นหลายตลาดที่เร่งฝีเท้าวิ่งจนทำกำไรปิดปีไปได้อย่างสวยงาม และสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนไปพร้อมๆ กัน

เป็นประจำทุกต้นปีที่ Jitta Wealth จะได้มาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นตลอดทั้งปี ผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก และผลตอบแทนทุกนโยบายของ Jitta Wealth ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

หรือให้คุณได้มาลองทบทวนตัวเองไปพร้อมๆ กันว่าปีที่ผ่านมาการลงทุนของคุณเป็นอย่างไร เพื่อเตรียมพร้อมพิชิตเป้าหมายที่ดีขึ้น เติบโตขึ้นในปีนี้ 

หากคุณสนใจอยากรับชม Live เปิดผลตอบแทนทุกนโยบาย Jitta Wealth พร้อมแผนลงทุนพิชิตทุกภาวะตลาดสามารถรับชมวีดีโอย้อนหลังได้ที่นี่ 

ดูวิดีโอย้อนหลัง

YouTube video

หากคุณสนใจอยากรับชม Live ของเราแบบสดๆ ในโอกาสต่อไปติดตามเราได้ที่ Facebook หรือ Youtube ของ Jitta Wealth ได้เลย 

และทีมงาน Jitta Wealth ก็ได้สรุปสาระสำคัญ ภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลก พร้อมผลตอบแทนจริงทุกนโยบาย ทุกแผนการลงทุนของ Jitta Wealth ในปี 2566 ที่ผ่านมา มาไว้ให้คุณแล้วที่นี่ด้วย 

สรุปภาพรวมตลาดหุ้นปี 2566

ก่อนจะไปสำรวจผลตอบแทนจาก 3 นโยบายของ Jitta Wealth การรู้ภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกก็เป็นเรื่องสำคัญ เรามาดูสรุปย่อ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตลาดหุ้นทั่วโลก

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีในปี 2566 ทำผลตอบแทนได้ยอดเยี่ยม เริ่มกันที่ดัชนี Nasdaq ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง +44.52% ตามด้วยดัชนี S&P500 ที่ปรับเพิ่มขึ้น +24.73% และดัชนี Dow Jones ที่มีหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ (Big Cap) จำนวนมากปรับเพิ่มกว่า +13.74%

ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมีหลายเหตุผลด้วยกันไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวของเงินเฟ้อที่เป็นปัญหามาอย่างต่อเนื่องเริ่มคลี่คลาย เงินเฟ้อปรับลดลงจากจุดสูงสุดที่ 9.1% ในเดือนมิถุนายน 2565 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.1% ในเดือนพฤศจิกายน 2566 คลายความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และสะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2567

ตลาดหุ้นเวียดนาม

ดัชนีเวียดนามยังไม่ทำให้ผิดหวัง ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง +8.24% แม้จะไม่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงอย่างปีก่อนๆ แต่ตลาดหุ้นเวียดนามก็ยังเติบโตได้ในปีที่ผ่านมา และยังสามารถดึงดูดการลงทุนโดยตรง (FDI) จากต่างประเทศได้มากถึง 34,000  ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

บริษัทชั้นนำยังไว้ใจเวียดนามให้เป็นฐานการผลิตสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Nike หรือ Lego มีการลงทุนโรงงานในเวียดนามที่จะเริ่มใช้เป็นแหล่งผลิตในปีนี้อีกด้วย

ตลาดหุ้นจีน

ปิดลบ -11.75% ในปี 2566 โดยดัชนี CSI 300 หดตัวลงติดกันเป็นปีที่ 3 ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกงติดลบเป็นปีที่ 4 ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่มาจากปัจจัยภายใน เช่น ปัญหาหนี้สินจากภาคอสังหาริมทรัพย์ นโยบายซัพพอร์ตเศรษฐกิจซบเซาที่ยังไม่เพียงพอจากรัฐบาลกลาง และการแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่นจีน ทั้งหมดนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นจีนปีที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ดัชนีบวกแรง +25.09% ในปี 2566 เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังแข็งแกร่งอยู่ถึงแม้ว่าค่าเงินเยนจะอ่อนตัวลงแรงจากที่สหรัฐฯ ได้มีการปรับดอกเบี้ยนโยบายเพื่อคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายระยะยาว แต่ญี่ปุ่นก็ตัดสินใจคงนโยบายการเงินไว้แบบเดิมและทำให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากสภาวะเงินฝืดภายในประเทศได้ 

นักลงทุนยังคงรอติดตามการเปลี่ยนแปลงนโยบาย Yield Curve Control ที่จะเป็นตัวชี้ทิศทางดอกเบี้ยของญี่ปุ่นต่อไป

ตลาดหุ้นไทย

ปิดลบ -15.67% สวนกระแสหุ้นหลายประเทศ ดัชนีหุ้นไทยทำจุดตํ่าสุดในรอบ 3 ปี ปัจจัยกระทบต่อตลาดหุ้นคือ การจัดตั้งรัฐบาลในช่วงต้นปีที่ล่าช้า และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง Digital Wallet ท่ีกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน 

ตลาดหุ้นมีขึ้นมีลงอยู่ตลอด แต่นั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะเมื่อหุ้นลงนั้นอาจจะเป็นโอกาสให้คุณได้เจอ ‘หุ้นดีราคาถูก’ พร้อมที่จะทำกำไรต่อไปในอนาคตก็ได้ 

ผลตอบแทนจริง ทุกแผนของนโยบาย Jitta Ranking ปี 2566 

นโยบาย Jitta Ranking คือนโยบายที่ลงทุนในหุ้นรายตัว 5-20 บริษัทขึ้นอยู่กับเงินลงทุนของคุณ โดยใช้ AI วิเคราะห์และคัดสรร ‘หุ้นดี ราคาเหมาะสม’ ตามหลักการของคุณปู่ Warren Buffet พร้อมเทคโนโลยีบริหารจัดการพอร์ตอัตโนมัติทุก 3 เดือน ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำและยุติธรรม

คุณสามารถดูรายละเอียดนโยบาย Jitta Ranking เพิ่มเติมได้ที่นี่

ที่มา: Jitta Wealth ข้อมูลการลงทุนระหว่าง 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2566

ถ้าย้อนกลับไปในปี 2565 เกือบทุกแผนติดลบไปตามทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก มีเพียง 2 แผนลงทุนเท่านั้นที่ไปในทิศทางบวกคือ Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีนและหุ้นญี่ปุ่น

แต่ในปี 2566 นี้ ภาพรวมของผลตอบแทนจริงเฉลี่ย ของทุกแผนทำผลตอบแทนได้ดี บวกไปถึง 4 แผนได้แก่ Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ หุ้นญี่ปุ่น และหุ้นเวียดนาม

Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ลงทุนในหุ้นดีราคาถูก ในตลาดหุ้น Nasdaq และ NYSE 5-20 บริษัท ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +44.26% ในปี 2566

Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีเติบโตสูง ในตลาดหุ้น Nasdaq และ NYSE 5-20 บริษัท ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +37.72% ในปี 2566

Jitta Ranking หุ้นญี่ปุ่น ลงทุน ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ในตลาดหุ้น TSE 5-20 บริษัท ด้วย AI ของ Jitta Wealth ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +7.46%

ในส่วนของ Jitta Ranking ที่ลงทุนในสหรัฐฯ ถือว่าทำผลตอบแทนได้ดีอย่างโดดเด่น กินตำแหน่งอับดับ 1 และ 2 ของผลตอบแทนจริงเฉลี่ยไปอย่างสวยงาม สะท้อนหุ้นสหรัฐฯ ในความจริงที่ว่าตลาดสหรัฐฯ ยังมีการแข่งขันที่สูง การเติบโตก็สูงตาม และไม่ใช่แค่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี แต่รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย 

ในขณะเดียวกัน Jitta Ranking หุ้นญี่ปุ่น และหุ้นเวียดนามก็ทำผลตอบแทนเป็นบวกตามทิศทางเดียวกันของดัชนีและรอที่จะเติบโตต่อไป 

สำหรับ Jitta Ranking ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ ติดลบน้อยที่สุดคือ Jitta Ranking หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ -6.98% บริษัทด้านการบริการสุขภาพเองได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ยาวมาจนถึงช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้โรงพยาบาลต่างๆ ได้รับเงินค่ารักษาจากผู้ป่วยน้อยกว่าจำนวนค่าใช้จ่ายด้านการดูแลผู้ป่วยจริงๆ ราว 2% เป็นเหตุให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับปัญหาที่ค่ารักษาเติบโตเร็ว ไม่เท่ากันกับเงินเฟ้อ

ส่วนนี้ได้ส่งผลกระทบต่อมุมมองของนักลงทุนที่มองว่ากำไรของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับด้านสุขภาพนั้นอาจมีกำไรที่ลดลงในอนาคตได้ แต่ด้วยเงินเฟ้อที่กลับเข้าสู่ระดับปกติทำให้ในปี 2567 นี้ ธุรกิจด้านสุขภาพของสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณดี  จะสามารถกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง

ต่อมาที่ Jitta Ranking หุ้นไทย ทำผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ -12.10% มีผลกระทบมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนในศักยภาพการเติบโต ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่มีการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า การแถลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน และข้อตกลงด้าน Digital Wallet ที่รอการร่าง พ.ร.บ. เงินกู้

อีกทั้งเรื่องการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่กลับเข้าสู่ระดับก่อน Covid-19 และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่ฟื้นกลับสู่ระดับปกติ กดดันรายได้หมุนเวียน

ต้องติดตามกันว่าในปีนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป หากเศรษฐกิจไทยได้รับผลประโยชน์จากนโยบาย Digital Wallet ที่คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ 

Jitta Ranking หุ้นจีน ทำผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ -15.73% ที่ยังคงต้องติดตามถึงนโยบายของรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน 

หรือถ้ามองอีกแง่หนึ่ง นี่อาจจะเป็นโอกาสได้หุ้นจีนที่ดีในราคาที่ถูกก็ได้ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่ามันลงมาต่ำสุดแล้วหรือยัง เรียกได้ว่าเหมือนเป็นจุดวัดใจของหลายๆ คน 

และ Jitta Ranking ที่ทำผลตอบแทนต่ำที่สุดในปี 2566 ที่ผ่านมา คือ Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้เข้ามาควบคุมดูแลบริษัทต่างๆ

โดยเริ่มจากกลุ่มบริษัท Ant Group ที่โดนรัฐบาลเข้ามาตรวจสอบในนาทีสุดท้าย ก่อนจะมีการ IPO และหลังจากนั้นยังมีบริษัทหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Temcemt Holdings Meituan หรือแม้กระทั่ง ByteDance เจ้าของ TikTok อีกทั้งยังมีบริษัท Alibaba ที่โดนกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมผูกขาดด้านธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน 

ซึ่งหลังเหตุการณ์นี้ ทำให้นักลงทุนได้ทำการเทขายหุ้นเทคโนโลยีจีนไปมากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ 

ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2566 นายกรัฐมนตรีจีน Li Qiang ให้การสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีในการประชุมสัมมนา ในขณะที่หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจจีนยกย่องบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีส่วนร่วมในการเติบโตของประเทศและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้นักลงทุนมองว่าการควบคุมของรัฐบาลเริ่มคลี่คลายและเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ผลตอบแทนจริง ทุกแผนของนโยบาย Global ETF

นโยบาย Global ETF จะลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลกเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง มีการจัดพอร์ตตามทฤษฎี Modern Portfolio Theory ที่การันตีด้วยรางวัลโนเบล Global ETF จะถูกแบ่งออกเป็น 3 แผนการลงทุน ซึ่งแต่ละแผนจะลงทุนหุ้นและตราสารหนี้ผ่าน ETF ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • Global ETF แผนพอเพียง ลงทุนหุ้น 20% ตราสารหนี้ 80%
  • Global ETF แผนสมดุล ลงทุนหุ้น 50% ตราสารหนี้ 50%
  • Global ETF แผนเติบโต ลงทุนหุ้น 80% ตราสารหนี้ 20% 

โดยคุณสามารถดูรายละเอียดนโยบาย Global ETF เพิ่มเติมได้ที่นี่

Global ETF แผนพอเพียง ผลตอบแทนเฉลี่ย +6.58%

Global ETF แผนสมดุล ผลตอบเทนเฉลี่ย +10.73%

Global ETF แผนเติบโต ผลตอบแทนเฉลี่ย +15.37%

นโยบาย Global ETF ในทุกๆ แผน ทำผลตอบแทนเฉลี่ยตลอดปี 2566 ได้ดีกว่าผลตอบแทนคาดหวังไปเกือบเท่าตัวทุกแผน เนื่องจาก Global ETF มีการกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนอย่างดี

ไม่ว่าจะเป็นประเภทของสินทรัพย์เอง ทั้งหุ้นและพันธบัตร พร้อมกับการกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก ใน ETF หุ้นสหรัฐฯ ETF หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว และ ETF หุ้นตลาดเกิดใหม่ ทำให้เป็นพอร์ตลูกรักของหลายๆ คน หรือเป็นพอร์ตที่นักลงทุน Jitta Wealth ส่วนใหญ่มีติดเอาไว้ 

เหมาะกับทุกช่วงอายุ ตั้งแต่นักศึกษาจบใหม่ที่อยากเริ่มต้นลงทุนวางรากฐานทางการเงินให้กับชีวิต กำลังเริ่มต้นศึกษาเรื่องการลงทุน ไปจนคนทั่วไปที่ไม่พร้อมรับความเสี่ยงที่สูงเกินไป อยากกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก 

ผลตอบแทนจริงของ Thematic DIY และ Thematic Optimize

นโยบาย Thematic ของ Jitta Wealth เป็นทางเลือกให้คุณได้ลงทุนใน ETF ตลาดหุ้น จาก 4 ประเทศชั้นนำ และ ETF ธีมธุรกิจเมกะเทรนด์ อีก 19 ธีม ที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วว่าน่าลงทุน อนาคตไกล 

โดยจะแบ่งเป็นแผนลงทุน Thematic DIY ที่ให้คุณเลือกธีมมาลงทุนเองได้สูงสุดถึง 5 ธีม และแผน Thematic Optimize ที่ให้ AI วิเคราะห์และคัดสรรเฉพาะธีมเมกะเทรนด์ 4 ธีมที่น่าลงทุนที่สุดมาลงทุน โดยทั้ง 2 แผนมีการจัดพอร์ตด้วย Passive ETF ค่าธรรมเนียมต่ำ อีกทั้งมีการปรับพอร์ตอัตโนมัติทุก 3 เดือน

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย Thematic ได้ที่นี่

ในปี 2565 ธีมเมกะเทรนด์เติบโตสูงมาก ปีที่ผ่านมาหลายๆ ธีมก็ทำผลตอบแทนลดลงมาเพราะดอกเบี้ยขึ้น นักลงทุนก็กังวลว่า บริษัทในธีมเมกะเทรนด์เหล่านี้ยังไม่ทำกำไร อาจจะไปต่อไม่ได้ และไม่สามารถกู้เงินได้เพราะดอกเบี้ยสูง มีโอกาสที่หุ้นกลุ่มนี้จะร่วงไปก่อน แต่สุดท้ายแล้วในภาพใหญ่หุ้นเมกะเทรนด์เหล่านี้เป็นอะไรที่เราทุกคนขาดไม่ได้ 

ดูได้จากการเติบโตของแต่ละธีมในปีนี้ 5 อันดับแรกใน 23 ธีมได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์

+73.67% เมตาเวิร์ส +60.75% คลาวด์ +40.53% ไซเบอร์ซิเคียวริตี +39.88% และหุ่นยนต์และ AI +33.77% ล้วนเป็นธีมเมกะเทรนด์ที่ถูกใช้งานวนเวียนอยู่ในชีวิตเราทั้งสิ้น 

ในขณะเดียวกันก็มีธีมที่ติดลบ 5 อันดับสุดท้ายได้แก่ พลังงานสะอาดจีน

-17.27% บริการสุขภาพจีน -19.03% พลังงานสะอาด -20.68% เทคโนโลยีจีน

-20.94% และกัญชา -23.10% ซึ่งหลายตัวเป็นของจีนก็ได้ผลกระทบมาจากเศรษฐกิจของประเภทเอง 

ในด้านของ Thematic DIY ที่นักลงทุน Jitta Wealth สามารถเลือกธีมเมกะเทรนด์ในพอร์ตได้เอง ผลตอบแทนจริงเฉลี่ยจะอยู่ที่ +9.28% และ Thematic Optimize ที่ AI จะเลือกธีมที่ดีที่สุดในตอนที่คุณลงทุน พร้อมปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ ผลตอบแทนจริงเฉลี่ยจะ จะอยู่ที่ +15.27% 


นี่คือภาพรวม 3 นโยบายของ Jitta Wealth ตลอดปี 2566 ผลตอบแทนจริงในปี 2566 ของนโยบายต่างๆ ของ Jitta Wealth มีทั้งแผนที่ทำผลตอบแทนได้ดี ชนะดัชนีได้อย่างขาดลอย บางแผนทำผลตอบแทนได้ไม่ต่างจากดัชนี

แต่การลงทุนระยะยาวไม่สามารถตัดสินได้ด้วยผลตอบแทนเพียงปีเดียว การลงทุนมีทั้งปีที่ขึ้นและปีที่ลง วันหนึ่งมันจะเป็นปีของเราถ้าเราเลือกลงุทนจากหลักการที่ถูกต้อง 

ระยะเวลาสำคัญกับการลงทุนแค่ไหนคุณสามาถดูผลตอบแทนระยะยาวจากผล Back Test ของเราได้ที่ jittawealth.com

และเวลาในการลงทุนจะช่วยลดโอกาสขาดทุนของพอร์ตคุณได้ในระยะยาว ซึ่งมีข้อมูลรองรับคุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ยังมีอีกกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้ได้ตลอดกาลอย่าง DCA การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ไม่ต้องจับจังหวะการลงุทน แค่มีวินัย ก็สร้างผลตอบแทนทบต้นได้อย่างมหาศาลแล้ว 

ให้ Jitta Wealth เลือกหุ้นดี สินทรัพย์คุณภาพให้กับคุณ ที่เหลือแค่อาศัยวินัยลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นในการลงทุนที่ถูกต้อง สุขภาพของพอร์ตการเงินของคุณก็พร้อมที่จะเติบโตไปได้อีกไกลแล้ว 

หากคุณมีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับการอัปเดตอัลกอริทึมและการบริหารจัดการพอร์ต Jitta Wealth สามารถติดต่อสอบถามในกลุ่ม Jitta Wealth Official หรือทาง Line ID: @JittaWealth ได้ในวันและเวลาทำการ


กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01 ผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ไม่การันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงอื่นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน