สรุป Live: VI สายบุ๋น ชี้เป้าหุ้นมังกร กับ ‘Jitta Ranking จีน’
ไฮไลต์
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีนฉบับที่ 14 (2564-2568) จีนจะเน้นยุทธศาสตร์วงจรคู่ (Dual Circulation) พึ่งพาประเทศอื่นๆ ให้น้อยลง เน้นพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น ดังนั้นโอกาสที่เศรษฐกิจและธุรกิจจะเติบโตในระยะยาวมีสูงมาก
- การเข้าตรวจสอบหุ้นเทคโนโลยีจากรัฐบาลจีน เป็นกลไกเพื่อสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้กับประชาชน ดังนั้นจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น แต่ก่อให้เกิดผลดีในระยะยาว
- การเมืองแบบคอมมิวนิสต์พรรคเดียว มีข้อดีคือ จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด มีแผนระยะยาวชัดเจน แตกต่างจากการเมืองแบบประชาธิปไตยที่มีวาระการบริหารงานชัดเจน ถ้าการเมืองเปลี่ยนมือ นโยบายก็ไม่ต่อเนื่อง
- การลงทุนหุ้นกลุ่ม A-share เป็นโอกาสที่น่าสนใจ เพราะยังมีอีกหลายบริษัทจีนที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตจากการขยายธุรกิจในประเทศอีกมาก เช่น ขยายธุรกิจจากมณฑลหนึ่ง ไปอีกมณฑลหนึ่ง ซึ่งมีตลาดผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านคน
- Jitta Ranking จีน จะพาคุณไปลงทุนในหุ้นกลุ่ม A-share โดยใช้ AI ของ Jitta คัดเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ ตามหลักการลงทุนของ Warren Buffett เพื่อลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Stock) ที่มูลค่าต่ำกว่าพื้นฐาน แต่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว วัดจากผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย 13.42% ต่อปี
ดูวิดีโอย้อนหลัง
สรุปเนื้อหา Live
Jitta Wealth ได้เปิดตัวกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking จีน แน่นอนว่า ทีมงาน Jitta Wealth ต้องจัด Live เพื่อฉายภาพโอกาสลงทุนในจีน โดยเฉพาะการลงทุนหุ้นจีนในดัชนี A-share ว่ามีความน่าสนใจยังไง นักลงทุนไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง หากมีพอร์ตลงทุนหุ้นจีน
Live ในหัวข้อ VI สายบุ๋น ชี้เป้าหุ้นมังกร ได้รับเกียรติอีกครั้งกับ คุณมี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์ นักลงทุนสาย VI ที่คุ้นเคยกับจีนมาครึ่งค่อนชีวิต กับคุณทีน่า สุภัททกิต เจตทวีกิจ CFA และผู้เขียนหนังสือกาลครั้งหนึ่งใน ‘จีนยุคใหม่’ มาเล่ามุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับจีนและโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นจีน
และที่พลาดไม่ได้คือ พวกเขาทั้ง 2 คน จะมาชี้เป้าหุ้นจีนที่น่าสนใจ เหมาะจะเป็นหุ้นคุณค่า (Value Stock) สำหรับลงทุนระยะยาว
ที่ขาดไม่ได้ คือ CEO ของ Jitta Wealth คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้มาเป็นผู้ดำเนินรายการครั้งนี้
ต้องขอบคุณผู้ชม Live สดกว่า 500 คน ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด 2 ชั่วโมง
เศรษฐกิจจีนเป็นอย่างไร
คุณมี่ ให้มุมมองเกี่ยวกับจีนที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันจีนเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีนฉบับที่ 14 (2564-2568) มีเรื่องที่เด่นๆ คือ ยุทธศาสตร์วงจรคู่ (Dual Circulation) จีนจะพึ่งพาประเทศอื่นๆ ให้น้อยลง เช่น การผลิตชิปที่จะทุ่มเงินลงทุนมหาศาลเข้าไป หรือการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
นอกจากนี้มีประเด็นเรื่องขจัดความยากจน โดยรัฐบาลจีนชนชั้นกลาง รายได้ปานกลางค่อนข้างสูงอีก 600 ล้านคน เป็นจำนวนใหญ่มาก เพราะแค่จับจ่ายแค่ 10% ก็เท่ากับ GDP ไทยแล้ว
“ทุกอย่างในแผนของจีนตอนนี้เป็นไปตามเป้า Covid-19 เป็นแค่บททดสอบว่า กระทบมากขนาดนี้ ปีที่แล้วยังโตกว่า 2% แล้วปีนี้หลายคนบอกว่าจะโต 8-9% ด้วย”
“ผมมองจีนมีอายุแบบวัยกลางคนนะ ไม่ได้มองว่า เขากำลังเข้าสู่สังคมคนสูงอายุเลย อายุประเทศราวๆ 40 ปี เหมือนไทย แต่เป็นคนที่สุขภาพแข็งแรง กินคลีน”
ประเด็นที่น่ากังวล คือ การเข้ามาควบคุมหุ้นเทค เช่น แบนแอปพลิเคชัน Didi ถ้าขายของผ่าน Taobao จะขายผ่าน JD.com ยากขึ้น ที่มีประเด็นการเอาเปรียบและผูกขาดตลาด รัฐบาลจีนเข้ามาแก้ปัญหาขจัดเรื่องพวกนี้ให้มันเรียบร้อย ซึ่งระยะสั้นอาจมีหลายๆ ฝ่ายได้ผลกระทบ แต่ในระยะยาวก็ส่งผลดีมากกว่า
ส่วนคุณทีน่า บอกว่า ช่วงที่ผ่านมา จีนพยายามจัดทัพในบ้านให้มีคุณภาพ เขาถอยหนึ่งก้าว เพื่อที่จะก้าวกระโดดอย่างมั่นคงในอนาคต
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จีนเปิดโอกาสให้บริษัทเทคโนโลยีทำอะไรเต็มที่ ให้ทั้งผู้ประกอบการได้ทดลองและให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งผู้บริโภคเห็นความสำคัญกับเทคโนโลยี ผู้ประกอบการก็ต้องทำให้กิจการมีความมั่นคงขึ้น รัฐบาลจีนอาจมองว่า ถ้าโตไปอาจจะไม่แข็งแรง เลยเข้ามาจัดการในช่วงนี้
“แต่เชื่อว่าเป็นการจัดการที่จะไม่ทำให้เศรฐกิจไม่ดีหรือแย่ลง เพราะประชาชนเดือดร้อนแข่งขันลำบาก เพียงแต่เขามองการจัดการในภาพใหญ่จริงๆ ซึ่งผู้บริโภคก็เข้าใจ อีกอย่างที่เน้นคือ เพื่อสนับสนุนแผน Dual Circulation รัฐบาลก็เร่งกำลังการบริโภคในประเทศ มาทดแทนการพึ่งพาจากนอกประเทศด้วย”
“อย่างเรื่อง R&D ประธานาธิบดี Xi Jinping ตั้งเป้างบประมาณการลงทุนที่ 7% ต่อปี จากเดิมก็เยอะอยู่แล้ว อยากทำให้จีนเป็นประเทศที่จัดสรรงบประมาณด้านนี้สูงที่สุดในโลก รู้ถึงปัญหาว่า เคยเป็นประเทศที่มี R&D เก่งมาก แต่ไม่ได้มีสุดยอดเทคโนโลยีที่พลิกชีวิตผู้คนทั่วโลก หรือ Breakthrough Technology ที่มากเท่าประเทศอื่นๆ”
ประธานาธิบดี Xi ตั้งเป้าพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งก็ต้องดีขึ้นในภาพใหญ่ เช่น เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ผู้นำด้านพลังงานสะอาด และผู้นำรถ EV
การเมืองจีนเป็นอย่างไร
คุณมี่ มองว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจแต่ละประเทศเขียนคล้ายๆ กัน แต่หลักสำคัญที่ทำให้เป็นจริงคือ ผู้นำต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ ซึ่งจีนอยู่ทางนั้น แก้ปัญหาต่อเนื่องในระยะยาว ไม่หวังผลระยะสั้น มองไปที่ปลายทาง
เมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ ยังขาดความต่อเนื่องในระยะยาวเลย คนที่ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอาจจะมองแค่ช่วงตัวเองอยู่ในวาระเท่านั้น
การเมืองพรรคเดียว ข้อดีคือ มันมีความต่อเนื่องของแผนเศรษฐกิจ สามารถวางแผน 20-30 ปีได้และในตอนนี้วางแผนเป็นผู้นำในหลายอุตสาหกรรม เพื่อทัดเทียมหรือก้าวหน้ากว่าสหรัฐฯ เช่น AI 5G พลังงานสะอาด และรถ EV
มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นจีน
คุณมี่ บอกว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตร้อนแรง ตลาดหุ้นโตตามไปด้วย มีนักลงทุนรายย่อยมากขึ้น การเลือกหุ้นการใช้วิธีการแบบ Warren Buffett ลงทุนหุ้นที่ยังมีมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐาน (Undervalued)
ประเด็นมูลค่าหุ้น (Valuation) ยังถูกมาก ขนาดหุ้นเทคอย่าง Alibaba มีค่า P/E (Price-to-Earnings Ratio) 20 เท่า ยังไม่สูงมาก และมีหุ้นในธุรกิจอื่นๆ ที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร ที่ยังมีค่า P/E เฉลี่ยประมาณ 3-5 เท่า
คุณทีน่า บอกว่า สำหรับการลงทุนหุ้นจีน มี 3 กลุ่มที่น่าสนใจ
- หุ้น A-share จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ (SSE) ประมาณ 2,000 บริษัท และเซินเจิ้น (SZSE) 2,400 บริษัท ใช้สกุลเงินหยวนจีน เมื่อก่อนเปิดให้เฉพาะนักลงทุนจีนซื้อขายได้เท่านั้น ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อขายผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง (HKEX)
- หุ้น H-share จดทะเบียนซื้อขายใน HKEX จำนวน 2,552 บริษัท ใช้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกง
- หุ้น US-ADR ซึ่งเป็นหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้น NYSE และ Nasdaq เช่น Alibaba JD.com Nio หรือ Pinduoduo
“สำหรับ A-share มองว่า มีบริษัทจีนเยอะมากที่โลกยังไม่รู้จัก และกำลังเติบโต ขยายตัวจากมณฑลหนึ่ง ไปอีกมณฑลหนึ่ง เท่ากับเหมือนได้ไปอีกตลาด ที่มีลูกค้าเพิ่มอีก 100 ล้านคน ถ้าอย่างไทย บริษัทที่จะโตคือไปต่างประเทศ ซึ่งไม่ง่าย ภาษา กฎ วัฒนธรรมต่างๆ แต่ของจีนคือ บริษัทเล็กๆ ข้ามมณฑลก็แค่ขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทุกอย่างทำเหมือนเดิม”
หุ้นที่เหมาะกับนักลงทุน VI
คุณทีน่า เลือกหุ้นในดวงใจมา 2 ตัว ได้แก่
- Haier Smart Home อยู่ใน Jitta Ranking ใน 50 อันดับแรก ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัทมีความน่าสนใจตรงที่พัฒนาบริการสมาร์ตโฮม และ Internet of Things (IoT) และมีจุดแข็งคือ เน้นสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจ โดยซื้อแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ทั่วโลก เช่น GE และ Sanyo
- Zhejiang Dahua Technology อยู่ใน Jitta Ranking ใน 100 อันดับแรก เป็นผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 2 ของโลก กำลังได้รับความสนใจมาก จากการพัฒนา AI งบการเงินไตรมาสที่ผ่านมา รายได้โต 46% โดย 60% มาจากจีน ตอนนี้กำลังขยายตลาดไปลาตินอเมริกาและอินเดีย
คุณมี่ เลือกหุ้นในดวงใจ 2 ตัว ได้แก่
- SAIC Motor Corporation ไม่ได้อยู่ใน Jitta Ranking ผู้ผลิตรถยนต์ เจ้าของแบรนด์ MG ที่ทำตลาดในไทย ตอนนี้งบการเงินยังไม่สวย แต่มีความน่าสนใจคือ พัฒนารถ EV ขนาดเล็ก ขายเดือนละ 30,000 คัน ส่วนราคาหุ้นยังไม่แพง ค่า P/E ที่ แค่ 10-12 เท่า
- Bank of Chengdu อยู่ใน Jitta Ranking ใน 50 อันดับแรก เฉิงตูเป็นเมืองรองๆ แต่ GDP โตปีละ 8% มีประชากรเพียง 7-8 ล้านคน ธุรกิจธนาคารมีกำไรเติบโต 8-9% และ อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) สูง 70-80% และมี Non-Performing Loan (NPL) ต่ำ ค่า P/E ประมาณ 5-6 เท่า และมีปันผลดี
ข้อมูล Jitta Ranking จีน
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking จีน จะพาคุณไปเปิดโอกาสลงทุน ‘หุ้นดีราคาถูก’ ในตลาดหุ้นจีน กลุ่ม A-share ใน SSE และ SZSE ผ่านการคัดกรองจาก AI ที่ Jitta พัฒนาขึ้นมา วิเคราะห์งบการเงินย้อนหลัง 10 ปี จากหุ้นจีนกว่า 1,400 หุ้น เพื่อดูคุณภาพกิจการและโอกาสเติบโตในอนาคต
Jitta Ranking จะจัดพอร์ตลงทุนหุ้นคุณค่าตามหลักการ Warren Buffett และคอนเซ็ปต์ ‘หุ้นดีราคาถูก’ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยให้นักลงทุนทำกำไรสูงชนะดัชนีตลาดในระยะยาว โดยจะจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยง 5-20 หุ้น
- ผลตอบแทนรวมย้อนหลัง 10 ปี
- Jitta Ranking จีน 253.90%
- ดัชนี CSI300 TRI 105.34%
- ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี
- Jitta Ranking จีน 13.42%
- ดัชนี CSI300 TRI 7.46%
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หากคุณสนใจคว้าโอกาสสร้างพอร์ตเติบโตไปการแผนระยะยาวของจีน ลองเข้ามาศึกษาแนวทางการลงทุนได้ที่ https://jittawealth.com/jitta-ranking/china